วันพฤหัสบดีที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

11.9 รูปแบบฐานการเรียนรู้ออนไลน์

0 comments
 
ปัจจุบันโลกได้เข้าสู่ยุคเศรษฐกิจฐานความรู้ (Knowledge-based Economy) งานต่างๆ จำเป็นต้องใช้ความรู้มาสร้างผลผลิตให้เกิดมูลค่าเพิ่มมากยิ่งขึ้น การจัดการความรู้เป็นคำกว้างๆ ที่มีความหมายครอบคลุมถึง เทคนิค กลไกต่างๆ มากมาย เพื่อสนับสนุนให้การทำงานในองค์กร มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ในการรวบรวมความรู้ที่กระจัดกระจายอยู่ที่ต่างๆ มารวมไว้ที่เดียวกัน ซึ่งช่องทางบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตนับเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่สามารถตอบสนองในการเป็นเวที แลกเปลี่ยนเรียนรู้ แบ่งปัน นำไปสู่สังคมแห่งการเรียนรู้ที่ยั่งยืน

 
ในโลกของการศึกษาปัจจุบันนี้ เราคงจะปฎิเสธวิธีการสอนผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตหรือที่เรียกกันว่าการสอนบนเว็บ คำคำนี้ เป็นคำที่มาจากภาษาอังกฤษว่า Web-Based Instruction (WBI) ซึ่งถือกันว่าเป็นกระบวนการที่แยกมาจากยุคคอมพิวเตอร์ช่วยสอนหรือ CAI นั่นเอง นอกจากนี้ ยังมีนักการศึกษาใช้เรียก Web-Based Instruction ในอีกชื่อว่า Web-Based Learning ซึ่งทั้งหมดนี้ก็มีความหมายเดียวกัน หมายถึง การเรียนการสอนที่ใช้เว็บเป็นฐาน หรือ“การสอนบนเว็บ”หรือ “การสอนผ่านเว็บ” ปัจจุบัน การเรียนการสอนผ่านเว็บถูกนำมาใช้ ทั้งการการสอนในระบบโรงเรียน รวมถึงการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ครอบคลุมกระบวนการศึกษาตลอดชีวิต

 
ในการนำเสนอสาระการเรียนรู้แบบต่างๆบนฐาน web-based นั้น ไม่ว่าจะเป็นบทเรียนออนไลน์ เป็นไฟล์เรียนรู้ด้วยเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ (e-document) หรือหนังสืออิเล็กทรอนิกส์(e-book) รูปแบบต่างๆ ให้เกิดกระบวนการเรียนรู้โดยสมบูรณ์ และเหมาะสมได้นั้นจำเป็นต้องมี องค์ประกอบพื้นฐาน ของการจัดการเรียนการสอนบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ซึ่งองค์ประกอบดังกล่าวประกอบด้วยส่วนสำคัญ 3 ส่วน โดยแต่ละส่วนจะต้องได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดี เพราะเมื่อนำมาประกอบเข้าด้วยกันแล้ว ระบบทั้งหมดจะต้องทำงานประสานกันได้เป็นระบบอย่างลงตัว ซึ่ง ฐานการเรียนรู้ (web-based) ในปัจจุบันนี้ถือเป็นปัจจัยหลักของการจัดการเรียนรู้ออนไลน์ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ที่จะเป็นส่วนสำหรับจัดวาง เผยแพร่ข้อมูลเนื้อหาบทเรียนไปสู่ ผู้เรียนรู้ได้ ซึ่งฐานการเรียนรู้นี้จะมีอยู่ 3 ลักษณะ ได้แก่
  1. ลักษณะหน้าเอกสาร web document อย่างเดียว
  2. มีระบบบริหารการเรียนรู้(LMS)
  3. มีระบบบริหารเนื้อหา/หลักสูตร(CMS)
ฐานการเรียนรู้ลักษณะหน้าเอกสาร web document อย่างเดียว
 จากพัฒนาการของเอกสารไปสู่เอกสารอิเล็กทรอนิกส์นำเข้าสู่ระบบเครือข่ายการเป็นเอกสารเว็บหรือweb document ได้ ปฎิวัติรูปแบบการเรียนรู้ที่รวดเร็ว กว้างไกลด้วยคุณสมบัติต่างๆทั้งการแก้ไข ปรับแต่ง ดัดแปลง ปรับปรุง เผยแพร่ แบ่งปัน ได้ไกล และรวดเร็ว การสร้าง web document จึงเป็นรูปแบบแรกที่ผู้พัฒนาสื่อการเรียนรู้นิยมใช้มากที่สุด ภายใต้ภาษา html พื้นฐาน (ซึ่งจะมีแบบ text ล้วน หรือ text ปนภาพ หรือ text ปนมัลติมีเดียรูปแบบอื่นๆ)
 

 
ฐานการเรียนรู้มีระบบบริหารการเรียนรู้ หรือ LMS ( Learning Management System)
 เป็นระบบที่ใช้บริหารจัดการการเรียนรู้ผ่านเว็บประกอบด้วยเครื่องมืออำนวยความสะดวกที่อำนวยความสะดวกให้ครูผู้สอน สามารถนำเนื้อหาและสื่อการสอนนำเข้าสู่ระบบได้โดยง่าย ซึ่งระบบจะกำหนดลำดับของเนื้อหาในบทเรียนส่งผ่านเครือข่าย ไปยังผู้เรียน ระบบจะติดตาม บันทึกผลความก้าวหน้าผู้เรียนได้อย่างละเอียด ตั้งแต่การเข้าใช้งาน การเข้าสู่เนื้อหาการเรียนรู้ สถิติเวลาเข้าใช้งาน รวมถึงมีการเก็บบันทึกข้อมูล กิจกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียนไว้ในระบบซึ่งข้อมูลเหล่านี้ครูผู้สอนสามารถ นำข้อมูลไปวิเคราะห์ประเมินผลหลักสูตร รวมถึงสภาพของการเรียนการสอนในรายวิชานั้นๆได้ นอกจากนี้ ผู้เรียน ครูผู้สอน และผู้ดูแลระบบ ยังสามารถใช้เครื่องมือสื่อสารที่ในระบบมีติดต่อสื่อสารระหว่างกันได้
ระบบ LMS ประกอบด้วยองค์ประกอบย่อยๆหลายส่วน คือ
  1. ส่วนเนื้อหาในบทเรียน (Lecture and Presentation)
  2. ส่วนของการทดสอบในบทเรียน (Testing)
  3. ส่วนของการพูดคุยในห้องสนทนา (Chat)
  4. กระดานข่าว (Webboard)
  5. ส่วนของการติดต่อผ่าน E-mal
  6. ส่วนสนับสนุนการเรียนการสอน
    - การลงทะเบียนของผู้เรียน
    - การบันทึกคะแนนของผู้เรียน
    - การรับ-ส่งงานของผู้เรียน
    - การเรียกดูสถิติของการเข้าเรียน

 

 
ฐานการเรียนรู้มีระบบบริหารเนื้อหา/หลักสูตร หรือ CMS (Content Management System)
 เป็นระบบที่มีหน้าที่ในการจัดการเนื้อหาหรือข้อมูลเป็นหลัก ตามลักษณะงานของเว็บไซต์นั้นๆ CMS จึงถูกออกแบบมาเพื่อช่วยประหยัดทรัพยากรในการพัฒนาและบริหารเว็บไซต์ ทั้งเรื่องของกำลังคน ระยะเวลา เพื่อช่วยลดเวลา อำนวยความสะดวกในการบริหารเว็บไซต์นั้นๆ อย่างมีประสิทธิภาพ ลักษณะเฉพาะจะคล้ายกับ LMS ที่ให้ผู้ดูแลระบบหรือ ครูผู้สอนนั้น สามารถจัดการเนื้อหาได้อย่างรวดเร็ว เพียงแต่จะขาดส่วนของผู้เรียนรู้ ไม่มีการติดตาม ประเมินผลผู้เรียน เน้นการจัดการระบบผ่านเว็บ รูปแบบจะเน้นการจัดการนำเข้าและเผยแพร่ข้อมูลบทเรียน, การนำเสนอบทความ(Articles), เว็บไดเรคทอรี(Web directory), เผยแพร่ข่าวสารต่างๆ(News), หัวข้อข่าว(Headline), ข้อมูลข่าวสารที่น่าสนใจ(Informations), ถาม/ตอบปัญหา(FAQs), ห้องสนทนา(Chat), กระดานข่าว(Forums), การจัดการไฟล์ในส่วนดาวน์โหลด(Downloads), แบบสอบถาม(Polls), ข้อมูลสถิติต่างๆ(Statistics) และอื่นๆ ที่สามารถเพิ่มเติม ดัดแปลง แก้ไขแล้วประยุกต์นำมาใช้งานให้เหมาะสมตามแต่รูปแบบและประเภทของเว็บไซต์นั้นๆ

 

 
นอกจากฐานการเรียนรู้แล้ว ในการดำเนินกิจกรรมจัดการศึกษาออนไลน์บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตในปัจจุบันนี้ จะมีรูปแบบการนำเสนอสาระการเรียนรู้ ที่แตกต่างกันออกไปบ้าง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกลุ่มเป้าหมายผู้เรียน กลุ่มสาระเนื้อหา วิวัฒนาการทางเทคโนโลยีที่เลือกใช้ ในบางแห่งอาจมีลักษณะแสดงสาระข้อมูลหรือบทเรียน ที่ให้ผู้เรียนเข้าเรียนรู้โดยอิสระ ไม่ต้องการระบบสมาชิก แต่บาง website ต้องมีการลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ ต้องมีการบันทึกประวัติ หรือลงทะเบียนเรียนกันก่อนจึงจะเข้าศึกษาเนื้อหาได้
ในการจัดการศึกษาออนไลน์วัฒนาการได้ก้าวไกลไปสู่ธุรกิจทางการศึกษาออนไลน์ ที่ผู้เรียนจะต้องลงทะเบียนในการซื้อคอร์สเพื่อเข้าศึกษาเรียนรู้ ระบบจะสนับสนุนสาระการเรียนรู้ สื่อ กิจกรรมต่างๆ รวมถึงระบบครูที่ปรึกษาอย่างพร้อมมูล ติดตามการเรียนรู้ตั้งแต่แรกเข้า จนจบหลักสูตร

Leave a Reply


test

สาระ เนื้อหา เรื่องราว ที่ปรากฎอยู่ในบล็อกแห่งนี้ จัดทำขึ้นเพื่อรวบรวมผลงาน แนวคิด จากการศึกษาเรียนรู้ และประสบการณ์ในการทำงาน รวมถึงการนำมาจากแหล่งข้อมูลอื่น(ซึ่งจะแจ้ง links ต้นทาง) นำมาเผยแพร่ให้กับท่านที่สนใจ ผ่านช่องทางและเวทีบล็อกแห่งนี้ หากท่านต้องการที่จะแนะนำ หรือแสดงความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ในการจัดทำบล็อกความรู้นี้ ติดต่อพูดคุย(ฝากข้อความ) ได้นะครับ
ขอบคุณที่กรุณาเข้าเยี่ยมชม
mediathailand