การจัดการศึกษาของไทยมีวิวัฒนาการมาโดยตลอด นับตั้งแต่สมัยโบราณเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน พัฒนาการดังกล่าวมาจากปัจจัยทั้งภายในและภายนอกประเทศ เป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อน ทำให้สังคมมีการเปลี่ยนแปลง หากเรามามองในส่วนของปัจจัยภายในนั้นเกิดจากความต้องการพัฒนาสังคมให้มีความเจริญและทันสมัย ส่วนปัจจัยภายนอกเกิดจากกระแสความเปลี่ยนแปลงของสังคมโลกไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ สังคม รวมไปถึงการเมือง ตลอดจนกระแสความเจริญเติบโตทางเทคโนโลยี ในเกือบทุกแขนง ทำให้ประเทศไทยต้องปรับตัวให้ทันสมัย เพื่อความอยู่รอดและประเทศได้เกิดการพัฒนาให้ทัดเทียมกับนานาประเทศ ด้วยเหตุผลที่กล่าวมาทำให้การจัดการศึกษาของไทยมีวิวัฒนาการเรื่อยมา ซึ่งเป็นปัจจัยที่ช่วยเสริมความเจริญก้าวหน้าทั้งทางด้านสังคม เศรษฐกิจและการเมืองของชาติให้มั่นคงและเจริญก้าวหน้า นอกจากนี้การจัดการศึกษาของประเทศไทย ยังกำหนดการเรียนรู้ตลอดชีวิต เป็นเป้าหมายระดับชาติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
จากใจความพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติฉบับ พ.ศ.2542 ในมาตราที่ 4
ได้ให้ความหมายของการศึกษาไว้ "การศึกษา" หมายความว่า กระบวนการเรียนรู้เพื่อความเจริญงอกงาม ของบุคคลและสังคมโดยการถ่ายทอดความรู้ การฝึก การอบรม การสืบสานทางวัฒนธรรม การสร้างสรรค์จรรโลงความก้าวหน้าทางวิชาการ การสร้างองค์ความรู้อันเกิดจากการจัดสภาพแวดล้อม สังคม การเรียนรู้และปัจจัยเกื้อหนุนให้บุคคลเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต นอกจากนี้ในมาตราที่ 15 ยังได้ให้ความหมายของการจัดการศึกษาทั้ง 3 รูปแบบไว้ว่า มาตรา15 การจัดการศึกษามีสามรูปแบบ คือ การศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย (1) การศึกษาในระบบ เป็นการศึกษาที่กำหนดจุดมุ่งหมาย วิธีการศึกษา หลักสูตร ระยะเวลาของการศึกษา การวัดและประเมินผล ซึ่งเป็นเงื่อนไขของการสำเร็จการศึกษาที่แน่นอน (2) การศึกษานอกระบบ เป็นการศึกษาที่มีความยืดหยุ่นในการกำหนดจุดมุ่งหมาย รูปแบบ วิธีการจัดการศึกษา ระยะเวลาของการศึกษา การวัดและประเมินผล ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญของการสำเร็จการศึกษา โดยเนื้อหาและหลักสูตรจะต้องมีความเหมาะสมสอดคล้องกับสภาพปัญหาและความต้องการของบุคคลแต่ละกลุ่ม (3) การศึกษาตามอัธยาศัย เป็นการศึกษาที่ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ด้วยตนเอง ตามความสนใจ ศักยภาพ ความพร้อม และโอกาส โดยศึกษาจากบุคคล ประสบการณ์ สังคม สภาพแวดล้อม สื่อ หรือแหล่งความรู้อื่น ๆ สถานศึกษาอาจจัดการศึกษาในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งหรือทั้งสามรูปแบบก็ได้ ให้มีการเทียบโอนผลการเรียนที่ผู้เรียนสะสมไว้ในระหว่างรูปแบบเดียวกัน หรือต่างรูปแบบได้ ไม่ว่าจะเป็นผลการเรียนจากสถานศึกษาเดียวกันหรือไม่ก็ตาม รวมทั้งจากการเรียนรู้นอกระบบ ตามอัธยาศัย การฝึกอาชีพ หรือจากประสบการณ์การทำงาน | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
และจากการที่มีพระราชบัญญัติส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
พ.ศ.2551 ได้ประกาศใช้ ทำให้มีการอธิบายความของการศึกษานอกระบบ
และการศึกษาตามอัธยาศัยขึ้นใหม่ ดังปรากฎในมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติ
ดังนี้ “การศึกษานอกระบบ” หมายความว่า กิจกรรมการศึกษาที่มีกลุ่มเป้าหมายผู้รับบริการและวัตถุประสงค์ของการเรียนรู้ที่ชัดเจน มีรูปแบบ หลักสูตร วิธีการจัดและระยะเวลาเรียนหรือฝึกอบรมที่ยืดหยุ่นและหลากหลาย ตามสภาพความต้องการและศักยภาพในการเรียนรู้ของกลุ่มเป้าหมายนั้น และมีวิธีการวัดผลและประเมินผลการเรียนรู้ที่มีมาตรฐาน เพื่อรับคุณวุฒิทางการศึกษา หรือเพื่อจัดระดับผลการเรียนรู้ “การศึกษาตามอัธยาศัย” หมายความว่า กิจกรรมการเรียนรู้ในวิถีชีวิตประจำวันของบุคคลซึ่งบุคคลสามารถเลือกที่จะเรียนรู้ได้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต ตามความสนใจ ความต้องการ โอกาส ความพร้อม และศักยภาพในการเรียนรู้ของแต่ละบุคคล
|
การลบไฟล์หรือโฟลเดอร์ที่ลบไม่ได้
-
ผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์หลายคนอาจจะเจอเหตุการณ์ที่ไฟล์หรือโฟลเดอร์ไม่สามารถลบไฟล์ได้
แม้ว่าจะไม่ได้มีผลต่อระบบ หรือการทำงานโดยตรง
(แต่อาจจะส่งผลให้การทำงานบางอ...
3 สัปดาห์ที่ผ่านมา