วันจันทร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2555

1.3 พัฒนาการด้านเทคโนโลยีการศึกษาในประเทศไทย

0 comments
 
นับแต่อดีต ชาวกรีกโบราณ ได้ใช้วัสดุและวิธีการในการสอนประวัติศาสตร์ และหน้าที่พลเมือง ด้วย การแสดงละครเพื่อสร้างเจตคติทางจรรยาและการเมือง ใช้ดนตรีเพื่อสร้างอารมณ์ และยังได้ย้ำถึงความสำคัญของการศึกษานอกสถานที่ด้วย นอกจากนี้การสอนศิลปวิจักษ์ในสมัยนั้นได้ใช้รูปปั้น และงานแกะสลักช่วยสอน ซึ่งนับว่าเป็นการใช้ทัศนวัสดุในการสอนแทนการปาฐกถาอย่างเดียว เพลโต นักปราชญ์ชาวกรีก ได้ย้ำถึงความสำคัญของคำพูดที่ใช้กันนั้นว่า เมื่อพูดไปแล้วอะไรเป็นความหมายที่อยู่เบื้องหลังสิ่งนั้น จึงได้กระตุ้นให้ใช้วัตถุประกอบเพื่อช่วยให้เข้าใจได้ดีขึ้น

 นับตั้งแต่ทศวรรษ 1960 การศึกษาของประเทศไทย ได้พัฒนารูปแบบไปอย่างหลากหลาย สื่อและเทคโนโลยีการศึกษาจึงเปลี่ยนแปลงรูปแบบไปด้วย นำสู่การเรียนการสอนในสาขาใหม่คือ เทคโนโลยีการศึกษา (Instructional Technology) ซึ่งเป็นวิชาชีพที่ประยุกต์ระหว่างการวิเคราะห์ การออกแบบ การพัฒนา การนำไปใช้และการประเมินปรับปรุง เพื่อให้การเรียนการสอนดำเนินควบคู่ไปกับ สื่อและเทคโนโลยีในรูปแบบต่างๆ ได้อย่างกลมกลืนและเกิดประโยชน์สูงสุด จนทำให้หลายๆสถาบันการศึกษา ตั้งหน่วยงาน เพื่อการทำงานด้านสื่อและเทคโนโลยีการศึกษาอย่างจริงจัง โดยใช้ชื่อแตกต่างกันไป อาทิ ศูนย์โสตทัศนศึกษา ศูนย์ทรัพยากรการเรียนรู้ สำนักวิทยบริการ และศูนย์นวัตกรรมการศึกษา เป็นต้น.พัฒนาการของเทคโนโลยีการศึกษาในประเทศไทย ได้มีจุดกำเนิด มีวิวัฒนาการและความเคลื่อนไหวมาเป็นลำดับ


ปี พ.ศ.พัฒนาการด้านเทคโนโลยีการศึกษาในประเทศไทย
พ.ศ.2483 จัดตั้งแผนกโสตทัศนศึกษาขึ้นในกองการศึกษาผู้ใหญ่ กรมสามัญศึกษา
พ.ศ.2488สำนักข่าวสารอเมริกัน (USIS) นำภาพยนตร์ 16 มม. เข้ามาฉายในประเทศไทย เพื่อกระตุ้นให้คน ทราบสาเหตุและตระหนักในผลของสงคราม
พ.ศ.2489กองการศึกษาผู้ใหญ่ กระทรวงศึกษาธิการ ใช้ภาพยนตร์รณรงค์ให้คนรู้หนังสือ ทั้งในรูปของหน่วย เคลื่อนที่และจัดตั้งเป็นหน่วยโสตทัศนศึกษาขึ้นในโรงเรียน
พ.ศ.2490กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ได้จัดตั้งแผนกโสตทัศนศึกษาขึ้น โดยได้รับความช่วยเหลือจากสหรัฐอเมริกาหน่วยงานนี้ได้ผลิตสื่อต่าง ๆ รวมทั้งภาพยนตร์ เพื่อให้การศึกษาด้านสุขภาพอนามัยแก่ประชาชน
พ.ศ.2492 กระทรวงศึกษาธิการเริ่มงานวิทยุศึกษา
พ.ศ.2496กระทรวงศึกษาธิการจัดตั้งสถานีวิทยุศึกษาขึ้นที่วิทยาลัยเทคนิคกรุงเทพ
พ.ศ.2497 จัดตั้งแผนกโสตทัศนศึกษาขึ้นในคณะวิชาการศึกษาของวิทยาลัยวิชาการศึกษา (ปัจจุบันคือ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ) และได้เปิดสอนวิชาโสตทัศนศึกษาขึ้นเป็นแห่งแรกในประเทศไทย โดยได้รับความร่วมมือจากผู้เชี่ยวชาญด้านโสตทัศนศึกษาจากมหาวิทยาลัยอินเดียนา ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งหน่วยงานนี้นอกจากจะสอนนิสิตของวิทยาลัยให้มีความรู้ความสามารถด้านนี้แล้ว ยังให้บริการโสตทัศนูปกรณ์ แก่อาจารย์ในวิทยาลัย และจัดฝึกอบรมเกี่ยวกับโสตทัศนศึกษา ให้แก่ครูอาจารย์สังกัดกรมกองอื่นๆ อีกด้วย
พ.ศ.2498จัดตั้งศูนย์โสตทัศนศึกษาที่วิทยาลัยเทคนิคกรุงเทพ
พ.ศ.2500 ทดลองงานวิทยุศึกษาใน 22 จังหวัด 286 โรงเรียน (เป็นระดับประถมศึกษา 220 โรง)
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้จัดตั้งแผนกโสตทัศนศึกษาขึ้น ในคณะครุศาสตร์ พื่อให้บริการโสตทัศนวัสดุแก่อาจารย์และให้การศึกษาแขนงวิชานี้แก่นิสิตในมหาวิทยาลัย
พ.ศ.2501มีบริการโทรทัศน์วงจรปิดในวิทยาลัยวิชาการศึกษาประสานมิตร (มศว ปัจจุบัน)
พ.ศ.2506กรมสามัญศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ได้ตั้งศูนย์วัสดุอุปกรณ์การศึกษา (Educational neural Center) และได้ตั้งท้องฟ้าจำลองและศูนย์บริภัณฑ์เพื่อการศึกษา (Science Museum)
พ.ศ.2509 เปิดสอนหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงเฉพาะโสตทัศนศึกษา ที่วิทยาลัย วิชาการศึกษา
พ.ศ.2510เปิดสอนหลักสูตรปริญญาโทโสตทัศนศึกษา ที่วิทยาลัยวิชาการศึกษา ประสานมิตร
พ.ศ.2515 แผนกโสตทัศนศึกษา สังกัด กองการศึกษาผู้ใหญ่ กรมสามัญศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ เปลี่ยนฐานะเป็นศูนย์เทคโนโลยีทางการศึกษา สังกัดกรมการศึกษานอกโรงเรียน โดยให้บริการทั้งด้านวิทยุศึกษา วิทยุโรงเรียน วิทยุโทรทัศน์เพื่อการศึกษา งานวารสารและการผลิตโสตทัศนูปกรณ์
พ.ศ.2517เปลี่ยนชื่อสาขาวิชาโสตทัศนศึกษา เป็นสาขาวิชาเทคโนโลยีทางการศึกษา และวิทยาลัยวิชาการศึกษา เป็นมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว)
พ.ศ.2518เปิดสอนหลักสูตรปริญญาตรี สาขาวิชาเอกเทคโนโลยีทางการศึกษา ที่ คณะศึกษาศาสตร์ มศว
พ.ศ.2524 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้จัดตั้งศูนย์วิทยบริการขึ้น ซึ่งเป็นหน่วยงานที่บูรณาการงานโสตทัศนศึกษากับงานห้องสมุดเข้าด้วยกัน
พ.ศ.2531เปิดสอนหลักสูตรปริญญาเอกเทคโนโลยีการศึกษา ที่ มศว
พ.ศ.2538 ได้รับความเห็นชอบให้จัดตั้งสำนักสื่อและเทคโนโลยีการศึกษา ที่ มศว
พ.ศ.2539- นโยบายเทคโนโลยีสารสนเทศแห่งชาติ (นโยบาย IT 2000)
- แผนพัฒนาการศึกษาแห่งชาติ ฉบับที่ 8 (พ.ศ. 2540 –2544)
พ.ศ.2540 มศว ได้รับอนุมัติให้ดำเนินโครงการเครือข่ายสารสนเทศเพื่อการศึกษา ในวงเงิน 129 ล้านบาท โดยผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีการศึกษา เทคโนโลยี คอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีโทรคมนาคม
พ.ศ.2542- แผนแม่บทด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของ กระทรวงศึกษาธิการ (พ.ศ. 2543-2545)
- แผนพัฒนาสื่อสารมวลชน เทคโนโลยีสารสนเทศและโทรคมนาคมเพื่อการพัฒนาคนและสังคม (พ.ศ. 2542-2551)
- พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542
พ.ศ.2543- พระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ และกำกับกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2543

พัฒนาการเหล่านี้จะส่งผลให้สถานศึกษา สังคม ชุมชน เกิดการเรียนรู้ การพัฒนาทักษะ การฝึกอบรม การจัดการศึกษา ผ่านทางเครือข่ายอันจะนำไปสู่สังคมการเรียนรู้ตลอดชีวิต เป็นไปอย่างทั่วถึง

Leave a Reply


test

สาระ เนื้อหา เรื่องราว ที่ปรากฎอยู่ในบล็อกแห่งนี้ จัดทำขึ้นเพื่อรวบรวมผลงาน แนวคิด จากการศึกษาเรียนรู้ และประสบการณ์ในการทำงาน รวมถึงการนำมาจากแหล่งข้อมูลอื่น(ซึ่งจะแจ้ง links ต้นทาง) นำมาเผยแพร่ให้กับท่านที่สนใจ ผ่านช่องทางและเวทีบล็อกแห่งนี้ หากท่านต้องการที่จะแนะนำ หรือแสดงความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ในการจัดทำบล็อกความรู้นี้ ติดต่อพูดคุย(ฝากข้อความ) ได้นะครับ
ขอบคุณที่กรุณาเข้าเยี่ยมชม
mediathailand